จีระพันธ์

ไก่ย่างในตำนาน

Call : 081-755-1806

KNOWLEDGE

ฝ่าวิกฤติ73ปี'ไก่ย่างจีระพันธ์'ศูนย์อาหารมุสลิม-แฟรนไชส์

ฝ่าวิกฤติ73ปี'ไก่ย่างจีระพันธ์'ยุคใหม่'ศูนย์อาหารมุสลิม-แฟรนไชส์' : คมคิดธุรกิจนิวเจน บายไลน์ / เรื่อง-ภาพ - ดลมนัส กาเจ

              ป้ายสีแดง ตัวอักษรสีเหลือง "ไก่ย่างจีระพันธ์" ตระหง่านเหนือหลังคาร้าน ย่านถนนพระราม 9 ตัดใหม่ระหว่างถนนรามคำแหงกับถนนศรีนครินทร์ เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ บนเนื้อที่กว่า 250 ตารางวานั้น เป็นสิ่งบ่งบอกว่า 73 ปีแห่งความหลังของ "ไก่ย่างจีระพันธ์" นับตั้งแต่รุ่น "ไซหนับ  จีระพันธ์" ผู้ล่วงลับที่เป็นเจ้าของสูตรดั้งเดิม มาถึงทายาทรุ่น 3 "มนัส อาดำ" ทำให้หลายคนมองว่า ท่ามกลางการแข่งขันด้านธุรกิจไก่ย่างที่เกิดขึ้นราวดอกเห็ด ทั้งที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ดำเนินการในรูปแบบของแฟรนไชส์ นับร้อยๆ สาขา และร้านชื่อเดียว แต่มีหลายเจ้าของอย่างไก่ย่างวิเชียรบุรี กระจัดกระจายไปทั่วเมือง แต่ร้าน "ไก่ย่างจีรพันธ์" มีลูกค้าทั้งประจำและขาจรเข้าอุดหนุนอย่างเนืองแน่นทุกวัน

              "เราเป็นไก่ย่างเจ้าแรกที่เป็นกิจการโดยมุสลิมอย่างแท้จริง ไม่ต้องถามถึงเรื่องของฮาลาล เพราะเราเป็นมุสลิมมาตั้งแต่บรรพบุรุษอยู่แล้ว คนนับถือศาสนาอิสลามรับประทานได้โดยไม่ต้องกังวล คนศาสนาอื่นก็รับประทานได้ ที่สำคัญชื่อเสียงของคำว่าจีระพันธ์ ยังตราตรึงในความทรงจำของลูกค้ามานากว่า 50 ปีหลังจากที่ป๋าเปิดร้านย่านสะพานพุทธ ชาวมุสลิมที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เมื่อนึกถึงไก่ย่างก็นึกถึงจีระพันธ์ เมื่อมาแล้วไม่ผิดหวังเพราะรสชาติยังคงความเป็นจีระพันธ์ดั้งเดิม พวกเราเป็นกุ๊กกันเอง ไม่มีกุ๊กรับจ้าง ทำให้ลูกค้าของเรากว่าครึ่งหนึ่งยังเป็นคนหน้าเดิม ระยะหลังมีลูกค้าที่เป็นมุสลิมจากต่างประเทศด้วย" มนัส กล่าว

              ย้อนไปเมื่อปี 2475 หรือ 73 ปีก่อน เป็นปีที่สูตรไก่ย่างจีระพันธ์ กำเนิดขึ้นมา จากความคิดของ "ไซหนับ" ผู้เป็นป้าของ มนัส อาดำ ผู้ริเริ่มพร้อมกับสูตรน้ำจิ้มรสเด็ด และข้าวหมกไก่ ซุป ทั้งซุบเนื้อ ซุปไก่ และต่อมามีซุปหางวัว ผสมผสานได้อย่างลงตัว และนำไปขายตามงานใหญ่ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ชื่อเสียงยังไม่ค่อยเป็นที่ประจักษ์เท่าไรนัก กระทั่งปี 2500 หรือเมื่อ 58 ปีก่อน ชื่อเสียงของ "ไก่ย่างจีระพันธ์" จึงเริ่มโด่งดังขึ้น เพราะไซหนับ เริ่มออกงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานเมาลิดกลาง และงานประจำปีอื่นๆ ย่านชานเมือง อาทิ งานพระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เป็นต้น โดยมี อับดุลเลาะห์ อาดำ ศักดิ์เป็นหลาน (ลูกผู้น้อง) และคุณพ่อของ มนัส ติดตามเป็นลูกมือทุกครั้ง  

              "ตอนนั้นผมยังไม่เกิด เพียงแต่ได้ยินคำบอกเล่าจากป๋ากับมะ (คุณพ่อกับคุณแม่) มะเคยเล่าว่า ยุคแรกไก่ย่างจีระพันธ์ จะใช้ไก่บ้านล้วนๆ โดยป๋ากับมะ จะเป็นผู้ที่นำไก่บ้านมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา กระทั่งคุณป้าไซหนับวางมือ จึงได้มอบสูตรทั้งหมดให้ป๋า ถือเป็นทายาทรุ่นที่สอง ดำเนินกิจการต่อ ช่วงแรกๆ ป๋าจะนำไก่ย่างใส่รถ 4 ล้อเล็ก หรือซูบารุออกเดินสายจำหน่ายจนชื่อ “ไก่ย่างจีระพันธ์”เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ต่อมาได้ไปเปิดร้านที่ใกล้บริเวณสะพานพุทธ แต่ประสบปัญหาเกี่ยวกับสถานที่ จึงต้องย้ายปักหลักเปิดเป็นร้านใหม่ที่ตึกแถวข้างโรงภาพยนตร์เอเซีย ใกล้สามแยกพระโขนง กรุงเทพฯ ซึ่งตอนนั้นไก่ย่างจีระพันธ์ ก็ยังมีการออกร้านตามงานใหญ่ๆ เช่นเคย" มนัส เล่าที่มา

              หลังสิ้นสัญญาเซ้งตึกที่พระโขนง อับดุลเลาะห์ ตัดสินใจบินไปเป็นกุ๊กใหญ่ทำอาหารมุสลิมที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพราะมีรายได้ที่ดีกว่า โดยปล่อยให้ อามีนะห์ ผู้เป็นภรรยา เป็นผู้ดูเลี้ยงดูลูกๆ ที่เมืองไทย และระหว่างที่ อับดุลเลาะห์ ไปอยู่ต่างประเทศนั่นเอง ทำให้ชื่อของไก่ย่างจีระพันธ์ ไปปรากฏตามงานใหญ่ๆ ประจำปีตามจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่ในกรุงเทพฯ ชานเมือง เชียงใหม่ ลงใต้ถึงปัตานี ยะลา และนราธิวาส มีทั้งที่เป็นญาติของอับดุลเลาะห์ และผู้แอบอ้างเต็มไปหมด ทำให้คนรู้จักไก่ย่างจีระพันธ์อย่างกว้างขวาง

              อับดุลเลาะห์ มีความมุ่งมั่นที่จะเปิดร้านไก่ยางจีระพันธ์ ให้เป็นไก่ย่างแบรนด์มุสลิม และให้สานต่อถึงลูกถึงหลาน หลังจากที่เขาเดินทางกลับมาเมืองไทยอีกครั้งพร้อมกับเงินก้อนโตในปี 2535 เขาตระเวนหาทำเลใหม่เพื่อเปิดร้าน "ไก่ย่างจีระพันธ์" จนได้ที่ขายย่านถนนพระรามเก้าตัดใหม่ ที่เขามองว่าเป็นสายที่อาจเป็นถนนธุรกิจในอนาคต จึงได้เจรจาขอเช่าพื้นที่ 250 ตารางวา เปิดร้านไก่ย่างจีระพันธ์

              วันนี้ อับดุลเลาะห์ และอามีนะห์ ได้ล่วงลับไปแล้ว มี มนัส และน้องอีก 2 คนเป็นผู้สานต่อกิจการจนถึงทุกวันนี้ 

              "ช่วงที่เศรษฐกิจดีๆ  ราวปี 2536-2538  เราขายดีมาก ทั้งที่มีคู่แข่งเยอะ โดยเฉพาะไก่ย่างที่มาจากภาคอีสานมีทั้งไก่ย่างเขาสวนกวาง  วิเชียรบุรี และไก่ย่างโคราช แต่เราก็ไม่กระทบ  เพราะของเราสูตรดั้งเดิม เราได้เปรียบตรงที่ร้านเรามีทุกระดับทุกศาสนา โดยเฉพาะคนที่นับถือศาสนาอิสลามจะมาที่นี่ แต่เรากระทบหนัก 2 ช่วงคือ เศรฐกิจฟองสบู่แตกช่วงปี 2539-2541 คู่แข่งของเราปิดกิจการไปหมด แต่เราอดทนกัน ตอนนั้นป๋ายังอยู่ ป๋าไม่เคยแสดงความย่อท้อให้ลูกเห็น ท่านเพียงบอกว่า ให้อดทน ประหยัด จนเมื่อมรสุมผ่านไปทุกอย่างก็ดีขึ้น"

              หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้น กิจการเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็ต้องมาประสบกับความเจ็บปวดที่สุดอีกครั้ง ในช่วงการระบาดของไข้หวัดนก ทำให้ยอดขายตกวูบกว่า 60% เพราะไม่ว่าชาวไทยพุทธ คนอิสลาม พากันหวาดวิตก ช่วงนั้นจึงขายได้แต่เนื้อ คือซุปเนื้อ ข้าวหมกเนื้อ แต่คนจีนไม่กินเนื้อ ต้องประหยัดทุกอย่าง ทั้งยังขอให้ลูกน้องลาออกโดยสมัครใจ ลดเงินเดือนพนักงานลง 30%

              วิกฤติหวัดนกถูกพลิกเป็นโอกาส เมื่อมนัสและน้องอีก 2 คน หันมาปรับกลยุทธ์ ด้วยการเนรมิตร้านไก่ย่างจีระพันธ์เป็น "ศูนย์อาหารอิสลาม" ที่มีเมนูใหม่ๆ ทดแทน อาทิ ข้าวหมกปลาอินทรีย์ สลัดแขก โรตีมะตะบะ แกงเปรี้ยวปลา มัสมัน แกงกรุมาแพะ ก๋วยเตี๋ยวแกง ข้าวขาวัว เนื้อสะเต๊ะ จนสถานการณ์คลี่คลายจึงได้เพิ่มรายการอาหารมากขึ้น เช่น ข้าวหน้าเป็ด ก๋วยเตี๋ยวเป็ด เป็ดย่าง  และอีกหลายรายการ พร้อมกับรับจัดงานเลี้ยง ส่งอาหารตามที่ลูกค้าสั่งในราคาไม่ต่ำกว่า 300 บาททำให้ลูกค้าเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันไก่ย่างจีระพันธ์สามารถขายได้นับร้อยๆ ตัว พร้อมกับการปรุงร้านครั้งใหญ่จัดให้มีห้องแอร์ ห้องละหมาดสำหรับลูกค้ามุสลิมเป็นต้น

              ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม การจัดงานรวมญาติและคนสนิท "จีระพันธ์ เดย์" ภายใต้แนวคิด "จีระพันธ์ยุคใหม่" พร้อมกับการประกาศขยายธุรกิจในรูปแบบของ "แฟรนไชส์" ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากได้จดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าหลังสิ้นเดือนรอมฎอน เทศกาลแห่งการถือศีลอดของชาวมุสลิมไปแล้ว รูปแบบของธุรกิจ "แฟรนไชส์" จะชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น   มนัส คาดหมายว่า ในปีแรกจะมีแฟรนไชส์ราว 10 สาขา

              "ที่ผ่านมามีลูกค้ามาขอซื้อสูตรเรา แต่เราไม่พร้อม ทำให้เราคิดว่า น่าจะทำเป็นแฟรนไชส์ พอหารือกับพี่น้องแล้ว ก็เห็นด้วย ตอนนี้เรากำลังศึกษารูปแบบของร้านว่า ถ้าเราทำเป็นแฟรนไชส์ ร้านของเราควรจะมีรูปแบบของร้านเป็นอย่างไร เราจะขายแฟรนไชส์ตัวไหน เพราะอาหารเรามีหลายอย่าง คิดว่าคงไม่นานเราคงสรุปได้" เขา กล่าว

              นับเป็นความสำเร็จในการบริหารของทายาทรุ่นที่ 3 ของไก่ย่างจีระพันธ์ ที่สามารถฝ่าอุปสรรคมาได้ถึง 2 ระลอก ทั้งยุคที่เศรษกิจทรุดอย่างหนัก และวิกฤตไข้หวัดนก ล่าสุดได้ขยายกิจการเป็นศูนย์อาหารอิสลาม และจะสยายปีกสู่แฟรนไชส์ในเร็วๆ นี้


เคล็ดลับความอร่อย

              สูตรไก่ย่างจีระพันธ์ มีข้อแตกต่างไปจากไก่ย่างทั่วไป สูตรเด็ดจริงๆ ของไก่ย่างจีระพันธ์ อยู่ที่น้ำพรมไก่ก่อนที่จะย่างนั่นเอง ส่วนน้ำพรมที่ว่านี้มีส่วนประกอบคือ หัวกะทิ เกลือ เครื่องเทศอีกหลายรายการ ที่จะพรมก่อนและระหว่างย่าง ทำให้เนื้อไก่ที่ย่างมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน

ส่วนผสมของไก่ย่างจีระพันธ์
1. ไก่สด  1  ตัว น้ำหนัก 1.2 กก.
เครื่องปรุง
2. ตะไคร้  2  ต้น
3. กระเทียม  2  หัว
4. พริกป่น  1  ช้อนโต๊ะ
5. ซีอิ๊วขาว 1  ช้อนโต๊ะ
6. น้ำปลา 1  ช้อนโต๊ะ
7. รากผักชี 1  ราก
8. ซอสปรุงรส 1  ช้อนชา
9. มะนาว 2  ผล
10. เกลือป่น 2  ช้อนชา

วิธีทำ
1. นำไก่มาล้างน้ำให้สะอาดทั้งด้านนอก ด้านใน และใช้มะนาวทาให้ทั่วตัว
2. ทาเกลือป่นให้ทั่วตัวไก่ ทิ้งไว้สักพัก
3. นำตะไคร้หั่นเป็นฝอยเล็กๆ นำกระเทียม พริกป่น และรากผักชี มาตำรวมกันผสมด้วยน้ำปลา ซีอิ๊วขาว และซอสปรุงรส
    แล้วชะโลมให้ทั่วตัวไก่ หมักไว้ 2 ชั่วโมง
4. นำไปย่างด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมง
เสร็จแล้วนำมาสับใส่จานเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด


สูตรน้ำจิ้มหวาน

ส่วนผสม
1. น้ำตาลปี๊บ  4  ถ้วยครึ่ง
2. เกลือป่น  3 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำกระเทียมดอง 1/2 ถ้วย
4. น้ำส้มสายชู  3  ถ้วย
5. พริกชี้ฟ้า  20 เม็ด
6. พริกขี้หนูแดง 10 เม็ด

วิธีทำ

              นำน้ำตาลปี๊บ เกลือป่น น้ำกระเทียมดองและน้ำส้มสายชูมาเคี่ยวไฟพอข้น แล้วนำพริกชี้ฟ้าและพริกขี้หนูที่ตำไม่ต้องละเอียดมาก ผสมคลุกเคล้าเข้าไป หรืออาจจะนำสับปะรดทำแทนน้ำส้มสายชู ก็ให้รสที่เปรี้ยวอมหวาน (สูตรของไก่ย่างจีระพันธ์)

http://www.komchadluek.net/detail/20150703/209076.html
KNOWLEDGE

สาขา พระราม9

ตั้งแต่เวลา 8.30-21.00น. โทร 084-9778-786 ลูกค้าสามารถจอดรถ ได้ ณ ลานจอดรถ HomePro